พระโอวาทสังฆราชวันวิสาขบูชา 2554

ข้อมูลพระเครื่อง

พระโอวาทสังฆราชวันวิสาขบูชา 2554

พระโอวาทสังฆราชวันวิสาขบูชา 2554

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท วันวิสาขบูชา 2554 ใจความว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับพุทธ ศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน พระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณอันประเสริฐ 3 ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ ต่อทวยเทพ มวลมนุษย์และสรรพสัตว์ เนื่องด้วยพระพุทธศาสนามีคุณูปการอันใหญ่หลวง ซึ่งอำนวยประโยชน์เกื้อกูลความเจริญรุ่งเรืองและความสงบร่มเย็นแก่นานา อารยชนมาตลอดระยะเวลากว่า 2,500 ปี ฉะนั้น เมื่อวันวิสาขบูชา พุทธศักราช 2554 มาถึง ควรที่เราทั้งหลายจะได้ทำการบูชาและน้อมรำลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรมและพระอริยสงฆ์ เพื่อน้อมนำมาเป็นที่พึ่งของตน เป็นแนวทางในการปฏิบัติดำเนินชีวิต เพื่อความสวัสดีและความสงบร่มเย็นแก่เพื่อนร่วมโลกสืบไป ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศล อำนวยให้ทุกท่านเจริญด้วยสุขสิริสวัสดิ์พิพัฒนชัยมงคลตลอดไปโดยทั่วกัน

ข้อมูลพระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงพ่อคูณอาพาธ เข้ารพ.มหาราช อาจติดเชื้อในกระแสเลือด

ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงพ่อคูณอาพาธ เข้ารพ.มหาราช อาจติดเชื้อในกระแสเลือด

https://i0.wp.com/www.amuletcenter.com/shop/j/jo_iswares/img-lib/payslip_20110425203636.jpg
หลวงพ่อคูณ อาพาธ เข้ารับการรักษาที่ รพ.มหาราช นครราชสีมา แพทย์สันนิษฐาน อาจติดเชื้อในกระแสเลือด

หลวงพ่อคูณ อาพาธ เข้ารับการรักษาที่ รพ.มหาราช นครราชสีมา เมื่อเวลา 03.00 น. แพทย์สันนิษฐาน อาจติดเชื้อในกระแสเลือด

พ.ญ.สุวรรณี ตั้งวีระพรพงศ์ รอง ผอ. รพ.มหาราช นครราชสีมา กล่าวว่า หลวงพ่อคูณ ได้เดินทางเข้ามาที่โรงพยาบาลเมื่อเวลา 03.00 น. (25 เม.ย. 54) เนื่องจาก 3-4 วันก่อนเริ่มมีเสมหะ แต่อาการโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่เมื่อวานนี้ (24 เม.ย. 54) เวลา 19.00 น. หลวงพ่อคูณ เริ่มมีอาการหนาวสั่น แต่ไม่รุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทางคณะแพทย์จึงให้แพทย์ทาง รพ.ด่านขุนทด ไปช่วยตรวจร่างกายพบว่า ไม่มีไข้ สัญญาณชีพปกติ จนถึงเวลา 00.00 น. หลวงพ่อคูณ เริ่มมีอาการสำลักและอาเจียน จนกระทั่งเวลา 02.00 น. หลวงพ่อคูณ ได้บอกกับลูกศิษย์ว่าอยากจะเข้าโรงพยาบาล ทางลูกศิษย์จึงนำตัวหลวงพ่อคูณส่งโรงพยาบาล จากการตรวจสอบเบื้องต้นแพทย์สันนิษฐานว่า น่าจะมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ยังไม่ทราบว่าติดเชื้อตัวไหน คงต้องรอตรวจสอบการเพาะเชื้ออีกครั้ง  สำหรับอาการล่าสุดหลวงพ่อคูณ มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง สามารถจำลูกศิษย์ได้ แพทย์ได้ให้น้ำเกลือ และให้ยาปฏิชีวนะในการรักษา

ข้อมูลพระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

เหรียญหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม

เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม

http://www.amuletcenter.com ร้าน โจ้ อิศวเรศ พระเครื่อง
เหรียญหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย จ.สมุทรสงคราม

ข้อมูลพระเครื่องเมือง สมุทรสงคราม หรือเมืองแม่กลอง มีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายรูป อาทิ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม, หลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน ฯลฯ และวัตถุมงคลของแต่ละรูปก็ล้วนเป็นที่นิยมสะสมอย่างมากในแวดวงนักนิยมสะสม พระเครื่องและเหรียญคณาจารย์ทั้งสิ้น แต่มีรูปหนึ่งที่มีความโดดเด่นและมีชื่อเสียงลือเลื่องในยุคก่อนหน้านั้น เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทีเดียว คือ “หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย”

หลวงพ่อแก้ว พรหมสโร หรือ พระครูวินัยธรรม เกิดเมื่อปี พ.ศ.2393 ที่ ต.บางแค อ.อัมพวา พออายุ 10 ขวบ บวชเป็นสามเณรที่วัดบางแคใหญ่ ศึกษาอักขรสมัยและภาษาไทยที่วัด และได้ร่ำเรียนกับบิดาผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวทไปด้วย จนอายุครบ 20 ปี จึงอุปสมบท ศึกษาด้านพระธรรมวินัยกับพระอุปัชฌาย์จนแตกฉาน ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเส็งซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับการถ่ายทอดวิชาด้านพุทธาคมและวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์ อีกทั้งยังเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดเขาตะเครา จ.เพชรบุรี ศึกษาด้านวิทยาอาคมจนมีความชำนาญเชี่ยวชาญอีกด้วย

จนปี พ.ศ.2424 ชาวบ้านได้นิมนต์ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลมซึ่งว่างลง ท่านจึงเดินทางมาพร้อมหลวงพ่อบ่ายและพระติดตามอีก 3 รูป จนถึงปี พ.ศ.2430 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพวงมาลัย จึงมอบหมายให้หลวงพ่อบ่ายเป็นเจ้าอาวาสวัดช่องลมสืบแทน

หลวงพ่อแก้ว เป็นพระภิกษุที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ มีคุณวิเศษหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า มีวาจาสิทธิ์ และเป็นพระนักพัฒนา สมัยที่เป็นเจ้าอาวาสวัดพวงมาลัย ท่านบูรณปฏิสังขรณ์และก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ และเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดจนเจริญรุ่งเรือง ท่านยังได้ช่วยสร้างวัดอีกหลายแห่ง เช่น วัดอีโก้ วัดสาธุชนาราม เป็นต้น ท่านจึงเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของบรรดาพุทธศาสนิกชน แม้พระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่อย่างพระองค์เจ้าภาณุรังษีก็ทรงเคารพ เลื่อมใส ถึงกับมาสร้างวังอยู่ใกล้ๆ วัดพวงมาลัยและเสด็จมาเยี่ยมท่านเป็นประจำ กิตติศัพท์ทางด้านวิทยาอาคมของท่านเป็นที่เลื่องลือขจรไกล ลูกศิษย์ลูกหาและพุทธศาสนิกชนได้ปรากฏประจักษ์เป็นเนืองนิตย์

ยก ตัวอย่างเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อครั้งดำเนินการสร้างวัดเขาอีโก้ ซึ่งอยู่ในถิ่นทุรกันดารไม่ค่อยมีใครเข้าไปนัก วันหนึ่งลูกศิษย์มา บอกว่าข้าวสารหมด ท่านก็บอกไม่เป็นไรพร้อมนั่งบริกรรมพระคาถาหยิบผ้ามาพาดบนบ่าแล้วฟาดลงบน พื้นดิน 3 ครั้ง จากนั้นก็เดินเข้าไปจำวัดปกติ พอรุ่งขึ้นเช้า ปรากฏมีพวกชาวตลาดได้หาบข้าวสารมาถวายมากมายเป็นที่อัศจรรย์แก่บรรดาลูก ศิษย์ยิ่งนัก

หลวงพ่อแก้ว มรณภาพในปี พ.ศ.2464 สิริอายุ 71 พรรษา 51

วัตถุมงคลของหลวงพ่อแก้วมีมากมาย ทั้ง ตะกรุดใบลาน ผ้ายันต์ และเหรียญต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นที่นิยมอย่างมากในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่องและเหรียญคณาจารย์ และพุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธา โดยเฉพาะ “เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้ว ปี 2459” ซึ่งสร้างในโอกาสสร้างพระอุโบสถวัดพวงมาลัย มีการจัดสร้างหลายเนื้อ และแบ่งแยกพิมพ์เป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์วัดและพิมพ์วังบูรพา นับเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด และ สนนราคาค่อนข้างแพง เนื่องด้วยจำนวนการสร้างน้อยและหาดูหาเช่ายากในปัจจุบัน

“เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้ว พิมพ์วัด” ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ หูเชื่อม ด้านหน้า ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อแก้วเต็มองค์ นั่งขัดสมาธิ ล้อมโดยรอบด้วยช่อดอกไม้ เหนือศีรษะเป็นตัว “อุณาโลม” หางยาวจดขอบเหรียญ รอบนอกสุดเป็นอักขระขอมอ่านว่า “พุทยัด ธาปิด ยะอุด นะอุด โมอัด” ล่างสุดเป็นปี พ.ศ.ที่สร้าง “๒๔๕๙” ด้านหลัง บนสุดเป็นตัว “อุณาโลม” ถัดมาตามแนวรอบขอบเหรียญเป็นอักขระขอมอ่านว่า “นะ โม พุท ธา ยะ อุ ทัง อัด โท ปิด คะ นะ” ช่วงกลางลงอักขระขอมว่า “ภู ภี ภุ ภะ” ต่อลงมาเป็นฉายาอ่านว่า “พรหมสโร”

ข้อมูลพระเครื่องสำหรับ “เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแก้ว พิมพ์วังบูรพา” พระองค์เจ้าภาณุรังษี เป็นผู้สร้างถวาย ลักษณะเหรียญจะเป็นแบบเดียวกับพิมพ์วัด ต่างกันที่หูเป็นแบบหูในตัว และศิลปะการแกะแม่พิมพ์เป็นฝีมือช่างคนละคนกันครับผม

ที่มาคอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง

โดย ราม วัชรประดิษฐ์

ข้อมูลพระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด มรณภาพแล้ว

ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด มรณภาพแล้ว

http://www.amuletcenter.com
หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด มรณภาพแล้ว

เมื่อเวลา 03.53 น.วันที่ 30 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลวงตามหาบัวญาณ สัมปันโน(พระธรรมวิสุทธิมงคล) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี  พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีสานละสังขารอย่างสงบ สิริอายุรวม 98 ปี

หลวงตามหาบัวเข้ารับการรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลศิริราช มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามคำนิมนต์ของคณะแพทย์โรงพยาบาลศิริราช รวมทั้งโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น และโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ที่ได้ให้การรักษามาก่อนหน้านี้ ก่อนจะเดินทางกลับมาพักรักษาตัวที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 3 ม.ค.

สำหรับ ประวัติหลวงตามหาบัวกำเนิด ในครอบครัวชาวนา ณ บ้านตาด อุดรธานี  วันเกิด 12 ส.ค.2456 มีพี่น้องทั้งหมด 16 คน สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวง คู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน” แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) อ.เมือง จ.อุดรธานี นาม บัว โลหิตดี ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน๙ ปีฉลู ณ บ้านตาด อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี บิดา นายทองดี โลหิตดี มารดา นางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน สถานภาพ

http://www.amuletcenter.com
หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวงคู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี
พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า “ญาณสมฺปนฺโน” แปลว่า “ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้” ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้ เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน

http://www.AmuletCenter.com
หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด

หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง ท่านตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ ๓ ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด เรียนจบ หลวงตามหาบัวสอบ ได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ ๗ พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต



ข้อมูลพระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

ข้อมูลพระเครื่อง พระรัตนราชโมลี (เส้ง) วัดแหลมทราย จ.สงขลา

ข้อมูลพระเครื่อง

พระรัตนราชโมลี (เส้ง) วัดแหลมทราย จ.สงขลา

พระเถระผู้ทรงคุณทั้งวิปัสสนาธุระ และคันถธุระของภาคใต้อีกทั้งยังทรงคุณทางพุทธาคุณเป็นยิ่งนัก เมื่อปี พ.ศ. 2482 ท่านสร้างพระปิดตารุ่น 1 ขึ้นมา เรียกกันว่า  พระโสฬสมงคล เพราะมีส่วนผสมจากโลหะศักดิ์สิทธิ์ของยอดพระเจดีย์ และยอดพระปรางค์รวม 16 ยอด แล้วท่านยังได้สร้างพระเครื่องรุ่นหลัง ๆ ออกมาอีก พระเครื่องและวัตถุมงคลทุกชนิดของท่านทรงคุณทางป้องกันอันตรายได้ดียิ่งนัก”

 

https://i0.wp.com/www.amuletcenter.com/shop/j/jo_iswares/img-lib/spd_20040911201332_b.JPG
พระเครื่อง

หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย พระกริ่งหน้าอินเดีย

 

พ่อ ท่านเส้ง เกิดเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2429 ที่บ้านท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โยมบิดาชื่อสี่เซ่ง โยมมารดาชื่อดำ เมื่ออายุได้ 1 ขวบ บิดาได้ถึงแก่กรรม มารดาจึงย้ายจากบ้านท่าหินกลับมาอยู่ที่บ้านมะขามคลาน ต่อมาเมื่ออายุได้ 11 ขวบ โยมมารดาจึงได้นำไปฝากให้ศึกษาอักษรสมัยทั้งไทยและขอม ในสำนักท่านอาจารย์นวล เจ้าอาวาสวัดเสื้อเมือง พออายุได้ 17 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรในสำนักวัดท่าหิน โดยมีพระอธิการยิ้มเป็นพระอุปัชฌาย์ บรรพชาได้ 1 ปีจึงได้ลาสิกขามาช่วยมารดาประกอบอาชีพ พออายุได้ 22 ปี ก็ได้อุปสมบทที่วัดเสื้อเมือง อำเภอสะทิงพระ โดยเจ้าอธิการเอียด วัดเสื้อเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการทับ วัดพังบัว กับพระอธิการเพียร วัดบางเขียด เป็นพระคู่สวด ได้ศึกษาพระธรรมวินัยตามหลักสูตรแล้วจึงได้มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักมะขามคลาน ซึ่งมีพระอาจารย์กิ้มเส้งเป็นเจ้าอาวาส เล่าเรียนสูตรสนธิต่างๆ ได้ 3 พรรษา จึงได้มาจำพรรษาที่วัดแหลมทราย เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม บาลี กับพระอาจารย์แก้ว และพระครูอั้น เจ้าอาวาสวัดไทรงาม จนจบหลักสูตร นอกจากนี้ ยังได้ศึกษากับพระอาจารย์แป้น ซึ่งมาจากกรุงเทพฯ และพระอาจารย์ฤทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดแจ้ง จนเชี่ยวชาญแตกฉาน พ่อท่านเส้งยังเป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น

 

http://www.amuletcenter.com
พระเครื่อง

หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย พระกริ่งหน้าอินเดีย

ต่อ มาในปี พ.ศ.2456 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้รักษาการเจ้าอาวาสวัดแหลมทราย ปี พ.ศ.2472 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดแหลมทราย และท่านได้พัฒนาวัดแหลมทรายจนเจริญรุ่งเรือง ปี พ.ศ.2474 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอเทพา วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2475 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูเทพธิวาสสังฆเนตร วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ.2477 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอเมือง และเป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ.2482 ได้เลื่อนเป็นพระครูชั้นเอกที่พระครูคณานุยุตต์วิจิตร รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ปีพ.ศ.2493 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ พระรัตนโมลี ปีพ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะจังหวัดสงขลา

 

http://www.amuletcenter.com
พระเครื่อง

หลวงพ่อเส้ง วัดแหลมทราย พระกริ่งหน้าอินเดีย

 

ในเรื่องพระเครื่องและวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อท่านเส้งได้สร้างพระเครื่องเนื้อ ทองเหลือง ในปี พ.ศ.2484 ซึ่งขณะนั้นกำลังมีสงครามมหาเอเชียบูรพา ซึ่งมีทั้งเป็นแบบพิมพ์นั่งสมาธิแบบของวัดชัยพฤกษ์มาลา และแบบพระปิดตา ซึ่งมีประสบการณ์มากในสมัยนั้นจนมีชื่อเสียงโด่งดังมาก และที่วัดแหลมทรายในสมัยนั้นได้โดนทิ้งระเบิดรอบๆ วัด แต่ลูกระเบิดด้านหมด เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก ปลอดภัยทั้งวัดและชาวบ้าน จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธากันมาก พระเครื่องของท่านเด่นทางด้านแคล้วคลาดและมหานิยม นอกจากนี้ ท่านยังได้สร้างพระกริ่งรูปแบบคล้ายพระกริ่งพิมพ์นะโภคทรัพย์ของวัดสุทัศน์  พุทธลักษณะถอดแบบมาจากพระกริ่งหน้า อินเดียของสำนักวัดสุทัศน์ ทำพิธีเทหล่อที่วัดแหลมทรายโดยหลวงพ่อเส้งได้นำคณะช่างอินทร์บ้านข้างวัดคอก หมูซึ่งเป็นช่างประจำของวัดสุทัศน์มาเป็นผู้เททอง เมื่อปี พ.ศ.2491 พระคณาจารย์ที่ร่วมปลุกเสกยุคอินโดจีนมากมาย เป็นพระกริ่งยอดนิยมของวงการ

 

More info at ข่าวพระเครื่อง

Full story is here พระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

อิทธิปาฏิหาริย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ( กรมหลวงชุมพร, เสด็จเตี่ย, หมอพร)

อิทธิปาฏิหาริย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ( กรมหลวงชุมพร, เสด็จเตี่ย, หมอพร)


เจอ บันทึกนี้ ให้เอาคำต่อไปนี้ของกูไปประกาศให้คนรับรู้ว่า กู กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้เป็นโอรสของพระปิยะมหาราช ขอประกาศให้พวกมึงรับรู้ไว้ว่า แผ่นดินสยามนี้ บรรพบุรุษได้เอาเนื้อเอาชีวิตเข้าแลกไว้ ไอ้อีผู้ใดมัน คิดบังอาจทำลายแผ่นดิน ทำลายชาติ ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ฤากระทำการทุจริต ก่อให้เกิดความเดือนร้อนต่อส่วนรวม จงหยุดคิดการกระทำนั้นเสียโดยเร็ว ก่อนที่กูจะสั่งทหารผลาญสิ้นทั้งโคตรให้หมดเสนียดของแผ่นดินสยาม อันเป็นที่รักของกู ตราบใดที่คำว่าอาภากร ยังยืนหยัดอยู่ในโลก กูจะรักษาแผ่นดินสยามของกู ลูกหลานทั้งหลาย แผ่นดินใดให้กำเนิดเรามา แผ่นดินใดให้ที่ซุกหัวนอน ให้ความร่มเย็นเป็นสุข มิให้อนาทรร้อนใจ จงซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินนั้น

https://i0.wp.com/www.amuletcenter.com/shop/j/jo_iswares/img-lib/spd_20110110174526_b.JPG

 

 

อิทธิปาฏิหาริย์ของ เหรียญกรมหลวงชุมพรฯ ก็แสดงให้แก่ผู้ที่ได้รับแจกไปตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ โดยเฉพาะทหารที่ได้รับแจกเหรียญกรมหลวงชุมพร ต่างก็แคล้วคลาดจากเรื่องราวมากมาย ในวันที่กรมหลวงชุมพรสิ้นพระชนม์ มีชาวบ้านบริเวณหาดทรายรี จ.ชุมพร เห็นดวงไฟขนาดใหญ่ลอยลงในทะเลบริเวณหาดทรายรี จ.ชุมพร ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของศาลกรมหลวงชุมพร

ส่วนเรื่องการบนบานศาลกล่าว ขอพรจากกรมหลวงชุมพรฯ เป็นเรื่องของความศรัทธาส่วนบุคคล  ถ้าเป็นนักเรียนชาย ชั้นมัธยมปลาย ก็จะขอให้สอบเข้าโรงเรียนทหารเรือได้ ในขณะที่ทหารเรือก็จะขอให้ยศตำแหน่งเลื่อนสูงขึ้น ด้วยเหตุที่พระองค์ท่านเป็น “พระบิดาแห่งกองทัพเรือ”

นอกจากนี้แล้ว มีคนจำนวนไม่น้อย ไปบนบานศาลกล่าวให้หายจากอาการป่วย จากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  เพราะช่วงหนึ่งที่พระองค์ท่านมีชีวิตอยู่ ทรงรักษาทั้งวิธีโบราณและสมัยใหม่ มีการตรวจเลือด มีกล้องตรวจโรค ทรงวางพระองค์เป็นหมอชาวบ้านธรรมดา ไม่ประสงค์ให้ใครเรียกพระองค์ว่าเสด็จในกรมฯ แต่โปรดให้เรียกว่า “หมอพร” จนกิตติศัพท์การรักษาของพระองค์ลือลั่นไปทั่วบางกอกว่า หมอพรรักษาโรคฉมังนัก โรคที่ใครรักษาไม่ได้ หมอพรก็ยังชุบชีวิตขึ้นมาได้อย่างกับหมอเทวดา

“การที่คนทั่วไปเรียกกรมหลวงชุมพรฯ ว่าเสด็จเตี่ยนั้น เป็นความประสงค์ของพระองค์ท่านที่มักจะเรียกแทนพระนามว่าเตี่ย เพราะเป็นคำที่เรียกแล้วใกล้ชิดกับชาวบ้านดี ในช่วงที่ท่านออกรักษาโรคชาวบ้านก็จะเรียกแทนพระนามว่า หมอพร ทั้งนี้ผมไม่เคยเคยเชื่อเลยว่า ร่างทรงที่อ้างว่าวิญญาณของเสด็จเตี่ยมา เข้าร่างนั้น เป็นของจริงเลยสักรายเดียว เป็นเรื่องของการหากินบนความศรัทธาของประชาชน ที่มีต่อเสด็จเตี่ยมากกว่า เพียงแค่ร่างทรงตอบคำถามเพียง ๒ ประโยค เกี่ยวการเรื่องดนตรีและการเล่นไพ่ ก็จับโกหกว่า เป็นการแอบอ้าง ซึ่งที่อนุสาวรีย์ใหญ่จะเขียนประกาศไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามเข้าทรง” นี่คือ คำยืนยันของ ม.ร.ว.อภิเดช

More info at ข่าวพระเครื่อง
Full story is here พระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงหนุ่ย เจ้าพิธีชื่อดังอัญเชิญจตุคามรามเทพ มรณะภาพแล้ว

ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงหนุ่ย เจ้าพิธีชื่อดังอัญเชิญจตุคามรามเทพ มรณะภาพแล้ว


http://www.amuletcenter.com
หลวงหนุ่ย เจ้าพิธีชื่อดังอัญเชิญจตุคามรามเทพ

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5-4 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่วัตถุมงคลจตุ คามรามเทพกำลังฮอตๆ เจ้าพิธีกรรมอัญเชิญองค์ท้าวจตุคามรามเทพ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆ ต้องยกให้ “พระครูสังฆรักษ์ปรานพ ฐิตคันโธ” หรือนามเรียกขานในหมู่ลูกศิษย์ลูกหา หลวงหนุ่ย อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์ประดิษฐาราม หรือวัดคอหงษ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

หลวงหนุ่ย เป็นเจ้าพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลจตุคามรามเทพมามากกว่า 600 รุ่น แต่ที่เป็นของหลวงหนุ่ย ท่านจัดสร้างเองมีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่วัดคอหงษ์ เริ่มตั้งแต่ รุ่นไหว้ครู เจ้าสัว จันทร์ลอย บันดาลโชค เหนือฟ้า เหนือดิน ตามรอยพ่อ ไหว้ครู 50  เป็นต้น

 

http://www.amuletcenter.com


ครั้งหนึ่งเคยมีคนถามว่า จตุคามรามเทพรุ่นไหนที่หลวงหนุ่ย เชื่อว่าดีที่สุด หลวงหนุ่ย ท่านตอบว่า “เหมือนกันหมด เพราะสิ่งเหล่านี้เกิดจากแรงศรัทธาของคน เมื่อได้ไปเหมือนกับการเตือนสติคนหรือขวัญกำลังใจที่ว่า จะให้ประกอบคุณงามความดี ส่วนรุ่นไหนดีตรงนั้นเขาเรียกว่า ค่านิยมของคนที่อยากได้เอาไปสักการบูชา แต่หากถามความเห็นก็ต้องตอบว่าทุกรุ่น เพราะทุกรุ่นเราทำพิธีด้วยใจ ทำด้วยความเคารพครูบาอาจารย์ จึงไม่มีอะไรแตกต่างกัน”

หลวงหนุ่ยท่านเป็นเจ้าพิธีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการออกลีลาท่าทางระหว่างการประกอบพิธี บางครั้งทำตามคำขอของนักสร้างวัตถุมงคลที่ เป็นเจ้าของ จนมีเสียงครหาจากผู้ไม่หวังดีหลายครั้งหลายหนถึงความไม่เหมาะสมกับความเป็น ภิกษุสงฆ์ อาทิ ขี่ช้างประกอบพิธี ยิงปืนขึ้นฟ้า ใช้ดาบฟันไปในอากาศ การสาวน้ำตาเทียน ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านใช้ถุงยางอนามัย มาเป็นตัวช่วย

 

http://www.amuletcenter.com

ในขณะนั้น ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงไม่กี่ปี ในฐานะเจ้าพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลจตุคามรามเทพ ทำให้หลวงหนุ่ย ต้องห่างหายไปจากวัดคอหงษ์ เนื่องเพราะตลอดทั้งปีมีกิจนิมนต์ที่ต้องทำพิธีตลอด ซึ่งการรับกิจนิมนต์นั้น มีเสียงเล่าลือว่า การทำพิธีแต่ละครั้งหลวงหนุ่ย ท่านได้เงินหลักล้านขึ้น

 

http://www.amuletcenter.com


จนมีกระแสข่าวลือว่า หลวงหนุ่ยมี ฐานะไม่ต่างจากเศรษฐีด้วยว่ามีเงินมากมายกว่าร้อยล้านบาท หลวงหนุ่ย ท่านต้องออกมาปฏิเสธว่า “หลวงพี่ไม่มีค่าตัว มีแต่ค่าใช้จ่ายในการทำพิธี ซึ่งมีค่าพราหมณ์ ค่าเครื่องบวงสรวง ค่าปะรำพิธีที่จัดขึ้น ค่าปี่พาทย์ ค่าเด็กนักเรียนของกรมศิลปากรที่มารำถวาย ซึ่งเป็นการกระจายรายได้ เด็กก็ได้แสดงออกจากที่ชอบแล้วเรียนมา แต่มีเงื่อนไขคือ ต้องเป็นวัตถุมงคลที่วัดจัดสร้างเอง หรือมีคนที่จัดสร้างให้วัดแล้วมาถวายให้คือรับทุน รับค่าดำเนินการคืนไป ไม่เอาเปรียบวัดจนเกินไป”

 

http://www.amuletcenter.com
“ถ้ารวยทานรวยบารมีนั้นจริง แต่ถ้าเป็นเงินนั้นไม่ใช่ เงินที่ได้มาดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ที่มีร้อยล้านคือมันรวมพิธีกรรมตั้งแต่ที่หลวงพี่ทำมาทุกวัด คือที่ปลูกสร้างมหาเจดีย์จนสำเร็จ โบสถ์ โรงเรียน ถนน เครื่องมือแพทย์ อาคาร โรงพยาบาล สิ่งที่ก่อสร้างเหล่านี้รวมมูลค่าเป็นร้อยล้านบาท”

หลังจากกระแสวัตถุมงคลจตุคามรามเทพเบาบางลง ด้วยปัญหาด้านสุขภาพ หลวงหนุ่ยเกิด อาพาธหนักจากโรคปอดอักเสบ ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาจำนวนมาก ลูกศิษย์ลูกหาที่เคยห้อมล้อมสมัยรุ่งๆ ก็ห่างหาย มีข่าวว่าท่านเกิดอาการตรอมใจ สละจากเพศบรรพชิต ออกมาใช้ชีวิตแบบฆราวาสอยู่พักใหญ่ และเงินทองที่ว่ามีอยู่มากมายนั้น ได้รับการพิสูจน์แล้วจากเพื่อนฝูงญาติสนิทว่าไม่มีอยู่จริง และเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2554 หลวงหนุ่ย ก็เสียชีวิตด้วยอาการสงบ ขณะนี้ศพหลวงหนุ่ยตั้งสวดพระอภิธรรมอยู่ ณ วัดคอหงษ์ จ.สงขลา กำหนดพิธีฌาปนกิจศพ ในเวลา 14.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2554

More info at ข่าวพระเครื่อง

Full story is here พระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ เกจิที่มาแรงแห่งยุค

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่

http://www.amuletcenter.com/product-th-689202-หลวงพ่อคูณ+วัดบ้านไร่.html

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่

 

หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ มาแรงจริงๆครับ เกจิแห่งที่ราบสูง โคราช ทั่วฟ้าเมืองไทยจนกระทั่ง ชาวต่างชาติจากหลากหลายประเทศ ต่างรู้จักและศรัทธาหลวงพ่อคูณเป็นอย่างมาก หลังจากหลวงพ่อคูณอุปสมบทได้เพียง 7 พรรษา ท่านได้สร้างเครื่องราง,ของขลังขึ้นมาเป็นยุคแรก เป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคำ เพื่อฝังที่ใต้ท้องแขน ณ วัดบ้านไร่ ประมาณปี พศ..2493 การปลุกเสก พระเครื่อง ของขลังของหลวงพ่อคูณ หลวงพ่อคูณจะใช้คาถาไม่กี่บท หัวใจพระคาถาคือ มะอะอุ นะมะพะธะ นะโมพุทธายะ พุทโธ และยานะ

“ใครขอกูก็ให้ไม่เลือกยากดีมีจน” เป็นคำกล่าวของท่าน เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ หลายคนถามว่า หลวงพ่อคูณแจกให้กับคนไม่ดีเป็นโจรผู้ร้ายอย่างนี้หลวงพ่อไม่บาปหรือ
หลวงพ่อคูณท่านตอบไปว่า กูจะไปรู้หรือว่ามันเป็นใคร ถ้ามันเป็นโจร เมื่อมันได้รับประโยชน์จากของที่กูแจก มันคงคิดได้ว่า เป็นเพราะพระศาสนา มันจะได้เข้ามาสนใจปฏิบัติธรรม “ถ้ามีใจอยู่กับ “พุทโธ” ให้เป็นกลางๆ ไม่สอดส่ายไปไหน นั่นหมายความว่า ใจเป็นสมาธิ จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราได้ดียิ่ง ยิ่งกว่ามีวัตถุมงคลใดๆ ในโลก”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชปฏิสันถารกับหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเมื่อครั้งเสด็จพร้อมสมเด็จพระราชินีนาถบรรจุพระธาตุที่ บุษบกวัดบ้านไร่ตามคำเชิญของหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธพระองค์ท่านทรงนับถือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเพราะท่านเป็นพระที่มากล้นด้วยทานบารมี บริจาคมาไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านแล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้ท่านทำทานบารมีหมด

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดบ้าน ไร่อำเภอด่านขุนทดจังหวัดนครราชสีมาทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่คณะศิษยานุศิษย์และผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันจัดสร้างขึ้น ในโอกาสที่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ มีอายุครบ 7 รอบ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งศรัทธาและบารมีทาน

วัตถุมงคลยอดนิยมของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ก็คือเหรียญรุ่นแรก ออกวัดแจ้งนอก ขณะพำนักจำพรรษาอยู่วัดแจ้งนอก ปี พศ..2512, เหรียญรุ่นสร้างบารมี พ.ศ..2519, เหรียญรุ่นปี พศ.2517 ออกที่วัดสระแก้ว ,เหรียญลูกเสือชาวบ้าน พ.ศ.2522 พระสมเด็จรุ่นกูทำเอง , พระกริ่งและสมเด็จแช่น้ำมนต์รุ่นสุดท้ายวัดบ้านไร่ ปลุกเสกถึง 72 วันบว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดสร้างมา เพราะเป็นรุ่นสุดท้ายของวัดบ้านไร่ตามคำปรารภของ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ซึ่งหลวงพ่อคูณ ได้ทำพิธีอธิฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลในอ่างน้ำมนต์ตลอด 72 วัน แล้วจึงนำออกให้แก่ลูกๆหลานๆ นำไปติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคล มีโชคลาภ คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง พระเครื่อง,ของขลังของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ มีพระปลอมระบาดไปทั่ว เหตุเพราะหลวงพ่อคูณท่านเป็นพระเกจิยอดนิยมและศิษยานุศิษย์มากมายทั่วโลกก็ ว่าได้ ค่านิยม สนนราคาของ พระเครื่องหลวงพ่อคูณนั้น ปัจจัยบวกตลอดเวลา หลวงพ่อคูณ เหรียญรุ่นแรก วัดแจ้งนอกมูลค่าถึง 6 หลัก แล้วท่านมีพระเครื่องของ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่แท้ซักองค์หรือยัง รีบหาเก็บเช่าบูชาก่อนจะสู้ราคาไม่ไหวนะครับ

More info at ข่าวพระเครื่อง
Full story is here พระเครื่อง

 

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

หลวงพ่อโสธรเป็นต้นโพธิ์ต้นไทร อันใหญ่ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัย

หลวงพ่อโสธรเป็นต้นโพธิ์ต้นไทร อันใหญ่ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัย

 

อานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโสธร มีมากเหลือที่จะเล่าสู่กันฟังให้หมดได้เพราะหลวงพ่อโสธรเป็นต้นโพธิ์ต้นไทร อันใหญ่ให้สรรพสัตว์ได้พำนักอาศัย หลวงพ่อโสธรเป็นร่มใหญ่กางกั้นสรรพภัยอันตรายความเดือดร้อนรำเค็ญ ให้สรรพสัตว์อยู่เย็นเป็นสุข หลวงพ่อโสธรเป็นแพทย์วิเศษพยาบาลผู้อาพาธให้หายขาด หลวงพ่อโสธรเป็นสรณะที่พึ่งพิงของหมู่บริษัทผู้ถูกภัยคุกคาม หลวงพ่อโสธรเป็นหมอดูพยากรณ์ทายโชคชะตา วาสนาทั้งอดีตอนาคตและปัจจุบัน ให้ทุกท่านผู้ต้องการทราบ หลวงพ่อโสธรเป็นสัพพัญญู สำเร็จทุกวิชาทุกอย่างทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ไม่มีผู้ใด ยิ่งไปกว่าหลวงพ่อโสธร

หลวงพ่อโสธรหรือหลวงพ่อพระพุทธโสธร เป็นพระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดฉะเชิงเทรา วัดโสธรวรารามวรวิหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดวรวิหาร หลวงพ่อโสธรประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

หลวงพ่อโสธรเป็น พระพุทธรูปที่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างประมาณ 1 ศอกเศษ ปางขัดสมาธิเพชร แต่ได้เสริมแต่งขึ้นจากเดิมโดยพอกปูน ลงรักปิดทองให้เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 3 ศอก 5 นิ้ว พระเนตรเนื้อเลียนแบบพระสมัยล้านช้าง หรือที่เรียกว่า ”พระลาว” ได้บูรณะหรือสร้างขึ้นในปลายกรุงศรีอยุธยา หรือต้นสมัยรัตนโกสินทร์

พระ บาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชหัตถเลขากล่าวถึง พระพุทธโสธร เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทรา ใน พ.ศ. 2451 ว่า “กลับ มาแวะวัดโสธร ซึ่งกรมหลวงดำรงคิดจะแปลว่า “ยะโสธร” จะให้เกี่ยวแก่การที่ได้สร้างเมื่อเสด็จกลับจากไปตีเขมร แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถหรือเมื่อใดนั้น แต่เป็นที่สงสัยด้วยเห็นไม่ถนัด พระพุทธรูปทำด้วยศิลาแลงทั้งนั้น องค์ที่สำคัญว่าเป็นหมอดีนั้น คือองค์ที่อยู่กลาง ดูรูปตักและเอวงาม ทำนองเดียวกับ พระพุทธรูปเทวปฏิมากร แต่ตอนบนกลายไปเป็นฝีมือผู้ที่ไปปั้น ว่าลอยน้ำมาก็เป็นความจริง เพราะเป็นศิลาคงทำไม่ได้ ในที่นี้”

หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลา มีส่วนสูง  6 ฟุต 7 นิ้ว พระเพลากว้าง 5 ฟุต 6 นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลวงวัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

ประวัติหลวงพ่อโสธรนั้น ตามตำนานไม่ได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้างหรือสร้างเมื่อ พ.ศ.ใด ทราบตามที่เล่าต่อๆ กันมาแต่เพียงว่า ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย มีพระภิกษุสามองค์พี่น้อง เรียนพระธรรมวินัยแตกฉานแล้วก็จำแลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยลงมาตามลำแม่น้ำ เมื่อมาถึงบริเวณหนึ่งก็ปรากฏองค์ขึ้น ชาวบ้านบริเวณนั้นพบเข้าก็พากันเอาเชือกมนิลามาฉุดขึ้น แต่ก็เอาขึ้นมาไม่ได้เพราะเชือกขาดก่อนที่พระทั้งสามองค์จะจมหายไป บริเวณที่พระทั้งสามองค์ทวนน้ำหนีนั้นเรียกว่า สามพระทวน ต่อมาเรียกว่า สัมปทวน อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจนทุกวันนี้

ต่อมาได้มาผุดขึ้นที่คลอง คุ้งให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นอีก ชาวบ้านก็พยายามชุดขึ้นฝั่งแต่ไม่สำเร็จอีก สถานที่นั้นเรียกว่า บางพระ มาจนทุกวันนี้ แต่นั้นมาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้สำแดงอภินิหารในครองเล็กๆ ตรงข้ามกองพันทหารช่างฉะเชิงเทรา บริเวณนั้นเรียกว่า แหลมลอยวน คลองนั้นได้นามว่า คลองสองพี่น้อง ภายหลังก็เงียบไป จวบจนองค์หนึ่งได้ลอยไปจนถึงแม่น้ำแม่กลอง และไปปรากฏผุดขึ้นที่สมุทรสงคราม ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลมหรือวัดเพชร สมุทรวรวิหาร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนชาวสมุทรสงคราม เรียกกันว่า หลวงพ่อบ้านแหลม มาจนทุกวันนี้

องค์ที่สองได้ลอยวนไปวน มาและมาผุดขึ้นหน้า วัดหงษ์ เล่ากันว่า ที่วัดนี้เดิมมีเสาใหญ่ที่มีรูปหงษ์อยู่บนยอดเสานั้น จึงได้ชื่อว่าวัดหงษ์ ต่อมาหงษ์ที่ยอดเสาหักตกลงมาเสียชำรุด ทางวัดจึงเอาธงไปติดไว้ที่ยอดเสาแทนรูปหงษ์ จึงได้ชื่อว่าวัดเสาธง แล้วต่อมาก็เกิดมีพายุพัดเสานี้หักลงส่วนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่าวัดเสาทอน และต่อมาชื่อนี้ได้กลายไปเป็นวัดโสธร

ประชาชนพลเมืองจำนวนมากได้พา กันหลั่งไหลมาอาราธนาฉุดขึ้นฝั่งแต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้นมีอาจารย์วิเศษผู้รู้คนหนึ่งสำเร็จไสยศาสตร์หรือเทพไสยรู้หลักและ วิธีอาราธนา จึงได้ทำพิธีปลูกศาลเพียงตาบวงสรวง กล่าวคำอัญเชิญชุมนุมเทวดาอาราธนา และได้ใช้สายสิญจน์คล้องที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูปก่อนจะค่อยฉุดลากขึ้นมาบน ฝั่ง พระพุทธรูปจึงเสด็จขึ้นมาบนฝั่งเป็นที่ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งของชาวเมือง จึงได้พร้อมใจกันอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ในพระวิหารวัดโสธร และเรียกนามว่า พระพุทธโสธร หรือ หลวงพ่อโสธร ตั้งแต่นั้นมา

ส่วน องค์สุดท้ายได้ลอยไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาประชาชน ละแวกนั้นก็หลั่งไหลมาอาราธรนาขึ้นฝั่งฉุดขึ้นเป็นการใหญ่แต่ก็ฉุดขึ้นไม่ ได้ เล่ากันว่ามีประชาชนพากันมาฉุดนับได้ถึงสามแสนคน จึงเรียกสถานที่นั้นว่า สามแสน ภายหลังจึงเพี้ยนมาเป็น สามเสน และเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ จากนั้นพระพุทธรูปองค์นี้ก็ลอยไปผุดขึ้นที่คลองสำโรง จังหวัดสมุทรปราการ ประชาชนจึงได้ได้อาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือ วัดบางพลีใหญ่ในตราบจนทุกวันนี้ เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน  เล่ากันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ตรงกับประมาณปี พ.ศ. 2313 นับเป็นประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยน้ำมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

แต่เดิมนั้นหลวงพ่อโสธรประทับ อยู่ในโบสถ์หลังเก่าที่มีขนาดเล็ก รวมกับพระพุทธรูปอื่นๆ  18 องค์ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2509 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินมาที่วัดแห่งนี้ ทรงมีพระราชปรารภเรื่องความคับแคบของพระอุโบสถเดิม พระจริปุณโญ ดร.เจียม กุลละวณิชย์ อดีตเจ้าอาวาสจึงได้รวบรวมเงินบริจาคเพื่อจัดซื้อที่ดินสำหรับสร้างพระ อุโบสถหลังใหม่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานการสร้าง และทรงเป็นผู้กำกับดูแลงานสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ. 2531 และทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ น้ำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือยอดมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จมาทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2549

การก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ สร้างขึ้นครอบพระอุโบสถหลังเดิม โดยใช้เทคนิควิศวกรรมสมัยใหม่ โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อพุทธโสธร และพระพุทธรูปทั้ง 18 องค์  ศิลปะภายในพระอุโบสถหลวงพ่อพุทธโสธร ประกอบด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบนับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดานจะบรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล โดยตำแหน่งของดวงดาวบนเพดาน กำหนดตำแหน่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2539 ณ เวลาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธียกยอดฉัตรทองคำ

คาถาบูชาหลวงพ่อโสธร ตั้ง นะโม ๓ จบ แล้วว่าคาถานี้ทุกวันจะปลอดภัย ป้องกันอันตรายทั้งปวง ร่มเย็นเป็นสุขตลอดชีวิต อีกทั้งมีเมตตา มหานิยม ซื้อง่ายขายคล่อง นำมาซึ่งโภคทรัพย์

นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูภัยพาล วินาศสันติ

นะกาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง

พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง

งานเทศกาลประจำปี

เทศกาลประจำปีหลวงพ่อโสธรจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ

ครั้งแรกจัดช่วงเดือน 5 เรียกว่า งานกลางเดือน 5 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 14-15 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน
ครั้ง ที่สองจัดช่วงเดือน 12 เรียกว่า งานกลางเดือน 12 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 รวม 5 วัน โดยจัดร่วมกับงานกาชาดจังหวัดฉะเชิงเทรา
More info at ข่าวพระเครื่อง
Full story is here พระเครื่อง

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง

10 เหรียญพระเกจิยอดนิยม

พระเครื่องและวัตถุมงคล

10 เหรียญพระเกจิยอดนิยม

เหรียญ พระเกจิพระคณาจารย์ที่เป็นสุดยอดในใจของบรรดานักสะสมในห้วงนี้ ที่ถามไถ่กันมาก ในที่สุดก็มีผลสรุปเป็น 10 เหรียญยอดนิยม ดังนี้

http://www.amuletcenter.com
เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

“พระภาวนาโกศล” หรือ “หลวงปู่เอี่ยม สุวัณณสโร” วัดหนังราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ลูกศิษย์ลูกหามักนิยมเรียกท่านว่า “เจ้าคุณเฒ่า วัดหนัง” เป็นชาวบางขุนเทียนโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี 2375

“เหรียญหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง” ดังมาก ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งวัตถุมงคล ประเภทเหรียญ ค่านิยมเทียบชั้นพระสมเด็จวัดระฆังฯ ทั้งด้านความสวยงามของเนื้อหาพิมพ์ทรงองค์พระพุทธคุณและสนน ราคาสูงมาก บางครั้งพกเงินมาหาซื้อเป็นล้าน ยังหาเช่าบูชาไม่ได้ มรณภาพเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2469 สิริอายุ 94 ปี พรรษา 72

 

http://www.amuletcenter.com

10 เหรียญพระเกจิยอดนิยม

 

1-เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง

“พระ ครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี” หรือ “หลวงพ่อแช่ม” วัดไชยธาราราม (ฉลอง) อ.เมือง จ.ภูเก็ต ท่านเกิดเมื่อปี 2370 ชื่อเสียงของท่านปรากฏชัดในคราวเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน “ปราบอั้งยี่” ด้วยการทำ “ผ้าประเจียด” แจกโพกศีรษะชาวบ้าน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการต่อสู้จนได้รับชัยชนะในที่สุด

พระเครื่องและวัตถุมงคลของ หลวงพ่อแช่ม พุทธคุณเด่นในด้านเมตตามหานิยม เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย อาทิ เหรียญพิมพ์สี่เหลี่ยมที่ท่านสร้างขึ้น เมื่อปี 2473 เหรียญปี 2497 เป็นเหรียญเนื้อเงินลงยา และเหรียญหลวงพ่อแช่มไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ บล็อกยันต์โค้ง ปี 2512 เนื้อทอง แดง รูปหล่อลอยองค์ขนาดเล็ก 2 รุ่น ขนาด 3 นิ้ว นั่งถือพัดยศ สร้างประมาณปี 2520-2529 เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแช่ม ปัจจุบันสนนราคาเล่นหาสูงมาก  มรณภาพเมื่อปี 2451 สิริอายุ 81 ปี พรรษา 61

2-เหรียญหลวงพ่อหมุน วัดบ้านจาน

“หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” วัดบ้านจาน อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เกิดเมื่อปี 2437 ปัจจุบันพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของท่านได้รับความนิยมอย่างมากใน หมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมพระเครื่องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ปี 2541 หลวงปู่หมุนจึงยอมให้พระอาจารย์จ่อยและพระอาจารย์ขวัญและคณะศิษย์จากวัดป่า หนองหล่ม จัดทำพระเครื่อง “เหรียญไตรมาส” หรือเรียกกันติดปากว่า “เหรียญเลข 1” ออกมาเป็นรุ่นแรก

ต่อมามีผู้ประสบความมหัศจรรย์เกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคลของ หลวงปู่หมุน จึงได้ก่อสร้างกุฏิถวายท่าน และอาราธนาให้ท่านมาจำพรรษาที่วัดป่าหนองหล่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว เมื่อปี 2542 จากนั้นท่านจึงกลับมาจำวัดยังวัดบ้านจาน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดบ้านเกิด  มรณภาพเมื่อปี 2546 สิริอายุ 109 ปี พรรษา 86

3- เหรียญหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ

“หลวงพ่อกลั่น ธัมมโชติ” อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดพระญาติการาม ต.ไผ่ลิง จ.พระนครศรีอยุธยา

ท่านเป็นชาวเมืองกรุงเก่าอยุธยาโดยกำเนิด เกิดประมาณปี 2390 อายุอ่อนกว่าหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ราว 5 ปี ปัจจุบันพระเครื่องหลวงพ่อกลั่น เหรียญรุ่นแรกปี 2469 เรียกว่า “เหรียญเสมา พิมพ์หลังขอเบ็ด” สนนราคาเล่นหาว่ากันที่หลักล้าน  ท่านมรณภาพ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2477 สิริอายุ 87 ปี พรรษา 60

4-เหรียญหลวงพ่อพร วัดดอนเมือง

“หลวงพ่อพร พุทธสโร” วัดดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ท่านเกิดเมื่อปี 2412 ปัจจุบันเหรียญของท่านได้รับความนิยมในวงการพระเครื่องสูงมาก รวมถึงวัตถุมงคล อื่นๆ ด้วยวัตถุมงคล ที่ หลวงพ่อพรได้สร้างไว้ ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ช่วงแรกเป็น “พระพิมพ์สมเด็จ” มีทั้งประเภทพิมพ์ 3, 5, 7 ชั้น และพิมพ์เล็บมือ สร้างประมาณปี 2458 ด้วย เป็นพระเครื่องเนื้อ ผงแก่น้ำมัน ออกสีเขียวอมเหลือง เมื่อสร้างเสร็จได้นำเข้าบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถ เคยนำออกมาจ่ายแจกช่วงสงครามอินโดจีน และสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงเมื่อปี 2508

สำหรับพระเครื่องและวัตถุมงคลรุ่น ที่นิยมแพร่หลายมากที่สุดก็คือ “เหรียญปั๊มรูปเหมือนรุ่นแรก” ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นรุ่นเดียวที่สร้างขึ้น เพื่อสมนาคุณแก่ผู้บริจาคปัจจัยสร้างโบสถ์ เมื่อประมาณปี 2460-2465 เป็นเหรียญหลักของย่านหลักสี่-ดอนเมือง ที่คนท้องถิ่นหวงแหนยิ่งนัก เพราะสร้างจำนวนน้อย แถมมีประสบการณ์ดีทั้งด้านแคล้วคลาด และเมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย โชคลาภเป็นเยี่ยม  มรณภาพเมื่อปี 2484 สิริอายุ 72 ปี พรรษา 40

 

http://www.amuletcenter.com

10 เหรียญพระเกจิยอดนิยม

 

5-เหรียญหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก

“หลวงพ่อจง พุทธสโร” วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเกิดเมื่อปี 2415 เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแก่กล้าในพลังจิตพุทธาคม ในยุคสงครามอินโดจีน โดยที่มีชื่อเรียกกันติดปากว่า 4 รูปด้วยกัน “จาด-จง-คง-อี๋”

“หลวงพ่อจง” ได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้มากมายหลายอย่างและได้สร้างแจกทหาร ตำรวจ ในสงครามอินโดจีน ในช่วงปี 2483-2485 เป็นต้นมา เช่น เสื้อยันต์แดง ตะกรุดชุดจนทำให้ทหารที่รอดชีวิตมา ต่างพูดเสียงเดียวกันว่า  วัตถุมงคล ของหลวงพ่อจงสุดยอดจริงๆ

สำหรับ เหรียญหลวงพ่อจงรุ่นแรก สร้างเมื่อปี 2484 เพื่อแจกลูกศิษย์ในการร่วมสร้างหอสวดมนต์ เหรียญรุ่นนี้ปัจจุบันหายาก สนนราคาเล่นหาสูงมาก ของปลอมระบาดหนัก  มรณภาพ เมื่อปี 2508 สิริอายุ 93 ปี พรรษา 73

6-เหรียญหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

“หลวง ปู่ฝั้น อาจาโร” วัดป่าอุดมสมพร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ท่านเกิดเมื่อปี 2442 วัตถุมงคลของท่านปัจจุบันมีอยู่มากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นพระเครื่องและวัตถุมงคลที่ ลูกศิษย์ลูกหามาขออนุญาตจัดสร้างเพื่อแจกจ่าย เป็นที่ระลึกและติดตัวไว้กราบไหว้บูชา อาทิ เหรียญ, พระกริ่ง, พระบูชา, รูปหล่อ และพระชัยวัฒน์ เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นที่นิยมและต้องการแสวงหาของพุทธศาสนิกชนและแวดวงผู้นิยมสะสมพระเครื่องและเหรียญคณาจารย์

สนนราคา เช่าหาก็ค่อนข้างสูงเอาการ อีกทั้งหาดูหาเช่ายากพอสมควรทีเดียว เนื่องจากผู้ที่มีไว้บูชาต่างหวงแหนและเก็บรักษาไว้เป็นมรดกสืบทอดต่อรุ่น ลูกรุ่นหลาน  มรณภาพเมื่อปี 2520 สิริอายุ 78 ปี พรรษา 58

7-เหรียญลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง

“หลวงพ่อไปล่ ฉันทสโร” วัดกำแพง กรุงเทพมหานคร ท่านเกิดเมื่อปี 2403 ปัจจุบันนักสะสมหลายท่านเชื่อว่าพระเครื่องและวัตถุมงคลของ วัดแห่งนี้ ถ้าได้ “กำอยู่ในมือ” เมื่อไรเป็น “แพง” สมกับชื่อ “วัดกำแพง” โดยแท้ โดยเฉพาะ “เหรียญหล่อโบราณ ปี 2478” สนนราคาเล่นหาสภาพสวยๆ ติดเพดานหลักแสนหลักล้าน

“วัดกำแพง” ในยุคของหลวงพ่อไปล่นั้น ทุกวันคราคร่ำไปด้วยคณะศรัทธามากราบขอพรและขอวัตถุมงคล ของท่านเป็นไปบูชาอา ธานาติดตัว ด้วยความเมตตาที่มากล้น ท่านไม่เคยปฏิเสธเรื่องกิจนิมนต์เลย ใกล้ไกลขนาดไหนก็ไป  มรณภาพ เมื่อปี 2482 สิริอายุ 79 ปี พรรษา 56

8-เหรียญหลวงพ่อผิว วัดสง่างาม

พระครูสีลวิสุทธาจารย์ หรือหลวงพ่อผิว สีลวิสุทโธ วัดสง่างาม จังหวัดปราจีนบุรี ท่านเกิดเมื่อปี 2435 วัตถุมงคลล้วนเป็นที่สนใจของบรรดานักสะสม เพราะท่านสร้างได้ขลังจริง มีประสบการณ์ดีทุกด้าน ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุด คงกระพันชาตรี

พระเครื่องและวัตถุมงคลส่วน ใหญ่จะเป็นประเภท “เหรียญ” ซึ่งมีอยู่หลายรุ่นด้วยกัน อาทิ เหรียญพิมพ์รูปไข่รุ่นแรกปี 2502, รุ่น 2 ปี 2512, รุ่น 3 ปี 2515 ที่ระลึกครบ 80 ปี, รุ่น 4 ปี 2517 รูปอาร์ม, รุ่น 5 ปี 2519 รูปหยดน้ำ นอกนั้นก็มีพระสมเด็จเนื้อว่านรุ่นแรก ปี 2502 หลังปั๊มรูปเหรียญรุ่นแรก, พระสมเด็จ 9 ชั้น, รูปหล่อปั๊มรุ่นแรก ปี 2515, แหนบลงยา, ล็อกเกตภาพสี เป็นต้น

สำหรับเหรียญบางรุ่นนักสะสมพระเครื่องยัง พอหาบูชาได้ในราคาไม่สูงมากนัก แต่ถ้าเป็นเหรียญพิมพ์รูปไข่รุ่นแรก สร้างปี 2502 เนื้อทองแดง กะไหล่ทอง สนนราคาเล่นหาคงต้องว่ากันที่หลักหมื่นขึ้น เพราะค่อนข้างหายาก ลูกศิษย์ลูกหาและคนในพื้นที่ที่มีไว้ในครอบครองต่างหวงแหนยิ่งนัก  มรณภาพเมื่อปี 2528 สิริอายุ 93 ปี พรรษา 72

9-เหรียญหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง

“หลวง ปู่หลิว ปัณณโก” วัดไร่แตงทอง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ท่านเกิดเมื่อปี 2448 เป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองนี้ ซึ่งมี “ของดี” รู้จักกันทั่วประเทศคือ “เหรียญพญาเต่าเรือน” ปัจจุบันนักสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลสายตรงนิยมเล่นหาอย่างมาก

พระเครื่องของ หลวงปู่หลิว เริ่มสร้างประมาณปี 2500 ที่วัดสนามแย้ ในยุคแรกๆ จะเป็นพระประเภทเนื้อผงเป็นส่วนใหญ่ โดยเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกออกที่วัดนี้ในปี 2505 วัตถุมงคลของท่านมีหลายรูปแบบทั้งเหรียญ, รูปหล่อลอยองค์, พระบูชา, พระสังกัจจายน์, พระปิดตา ส่วนเครื่องรางของขลังก็มี เช่น ตะกรุดคาดเอว, จิ้งจกสองหาง, กัณหาชาลี, ล็อกเกต เป็นต้น มรณภาพเมื่อปี 2543 สิริอายุ 95 ปี พรรษา 74

ที่มา ข่าวสด

 

 

ใส่ความเห็น

Filed under ข้อมูลพระเครื่อง